February 28, 2022
นับเป็นเวลาที่ผ่านมาเนินนานแล้วนับตั้งแต่ที่ชาวบันทัส ผู้อาศัยแห่งไคซัส นั้นมีอิทธิพลอำนาจอยู่เหนือยิ่งกว่าทวีปออเรลิกา นับจากพื้นที่อันกว้างขวางของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ หรือจะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีโครงสร้างอันตระการตาที่ผสานไว้ด้วยเวทมนตร์ เมื่อวันเวลาผ่านไปกว่าศตวรรษ ที่นี่ยังคงมีวิหารราโมซที่ตั้งตระหง่าน มันเป็นทัศนียภาพภาพที่น่าประทับใจซึ่งช่างเข้ากับพระอาทิตย์อัสดงเหลือเกิน อีกทั้งยังซากปรักหักพังของวิหารต่าง ๆ ของทะเลทรายที่ยังคงเหลืออยู่ ชาวบันทัสในปัจจุบันนั้นมีจำนวนไม่มากนักแล้ว ซึ่งเช่นเดียวกับพวกการ์เรลที่ยังอุทิศตนในการอุปถัมภ์ประเพณีอันโบราณอย่างเงียบสงบจากภายในของวิหารศักดิ์สิทธิ์การ์เรลนั้นนับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดประเพณีอีกคนหนึ่งของผู้อาวุโสบันตู ความภาคภูมิใจของเขานั้นมาจากการใช้เวลานับไม่ถ้วนในการฝึกฝนความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ทั้งภายในวิหารของตน เมื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติต่างๆ ที่มองเห็นได้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ซึ่งเขานั้นก็สามารถมองทะลุไปถึงแนวทางในการปลดปล่อยพลัง ซึ่งชาวบันทัส เรียกสิ่งนี้ว่า “มาคูน่า” หลายศตวรรษผ่านไป การฝึกอบรมที่เรียนรู้ไปนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เช่นเดียวกับนักรบของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งออเรลิกา ในที่สุดแล้วการ์เรลก็ตัดสินใจที่จะยอมปล่อยมือจากอำนาจและพลังที่มีเพื่อสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเขา ซึ่งก็คือ – อวตารสี่แขนแห่งไฟและพละกำลังการ์เรลนั้นได้ตื่นขึ้นมาจากการกำเนิดใหม่ในบ่อเพลิงที่โหมลุกท่วม ร่างของเขารายล้อมรอบๆ ตัวด้วยคลื่นพลังแห่งไฟ ซึ่งแผ่ออกมาจากร่างกายที่ดูอ่อนแรง เขาลุกยืนขึ้น ตาลุกเบิกโพลง ผมปลิวพลิ้วไสวราวกับได้รับแรงปะทะอันมหาศาล อีกทั้งด้านหลังเขายังมีใบหน้าที่สะพรึงกลัวของมาคูน่าสี่แขน การ์เรลได้หันไปที่บริเวณเส้นขอบฟ้าของเหนือน้ำ เขานั้นพิจารณาถึงพลังของผู้อวตารที่ลุกไหม้ขึ้นเป็นของตนนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขามีกำลังพอที่จะออกไปจัดการกับพวกไคซัส หรือบางทีอาจไปยึดทวีปออเรลิกาเลยก็สามารถทำได้